วิธีดูแลหน้าจอสมาร์ทวอทช์ไม่ให้เกิด Burn-in

1. เปลี่ยนหน้าปัดเป็นประจำ
อย่าใช้หน้าปัดแบบเดียวตลอดเวลา โดยเฉพาะหน้าปัดที่มีโลโก้หรือตัวเลขอยู่จุดเดิม
แนะนำให้เปลี่ยน Watch Face ทุก 23 วัน หรือเลือกแบบที่องค์ประกอบบนหน้าจอ เคลื่อนไหว หรือ ขยับตำแหน่ง ได้
ประสบการณ์ตรง: ผมใช้ SmartWatch Black Shark อยู่ ถ้าใช้หน้าปัดเข็ม analog เคลื่อนไหวตลอด รอย burn-in แทบไม่เกิดเลยครับ
2. ปิด Always-on Display เมื่อไม่จำเป็น
โหมด Always-on Display สวยก็จริง แต่ถ้าเปิดค้างตลอดเวลา = หน้าจอทำงาน 24 ชั่วโมง
ควรเปิดเฉพาะตอนสวมใส่ หรือเปิดโหมด Raise to wake แทน จะช่วยลดภาระของพิกเซลได้มาก
3. ลดความสว่างอัตโนมัติ
อย่าปรับแสงจอให้สว่างสุดตลอดเวลา โดยเฉพาะกลางแจ้ง
ควรเปิด Auto Brightness ให้ระบบปรับเอง เพราะความร้อนและแสงจ้าเป็นศัตรูตัวร้ายของ AMOLED ทุกประเภท
4. ตั้งเวลาจอดับให้สั้นลง
ตั้งให้จอดับเร็วขึ้น เช่น 1015 วินาที หลังไม่ได้ใช้งาน
นอกจากช่วยยืดอายุจอ ยังช่วยประหยัดแบตไปในตัว
5. ดูแลทำความสะอาดหน้าจอ
คราบเหงื่อ น้ำมัน และฝุ่น สามารถสะสมความร้อนบนผิวกระจกได้
ให้ใช้ผ้านุ่มไมโครไฟเบอร์เช็ดเบา ๆ หลีกเลี่ยงการใช้กระดาษหรือผ้าเปียกแรง ๆ เพราะอาจทำให้โค้ทติ้งหน้าจอเสีย
6. อัปเดตเฟิร์มแวร์สม่ำเสมอ
สมาร์ทวอทช์รุ่นใหม่ ๆ มีระบบ Pixel Shift ที่ขยับภาพเล็กน้อยอัตโนมัติ เพื่อป้องกัน Burn-in ฟีเจอร์นี้จะทำงานได้ดีเมื่อเฟิร์มแวร์เป็นเวอร์ชันล่าสุด
สรุปจากการใช้งานจริง
| ประเด็น | สรุป |
| LTPO vs AMOLED | LTPO เสี่ยง Burn-in น้อยกว่า เพราะควบคุม Hz ได้ |
| เปิด Always-on Display | เพิ่มโอกาส Burn-in ทุกประเภทจอ |
| วิธีป้องกันดีที่สุด | เปลี่ยนหน้าปัดบ่อย + ลดแสง + ปิด AOD บางช่วง |
| การดูแลทั่วไป | ทำความสะอาดจอ + อัปเดตซอฟต์แวร์เสมอ |
สรุปส่งท้าย
การดูแลสมาร์ทวอทช์ไม่ใช่เรื่องยากเลย แค่เราเข้าใจธรรมชาติของหน้าจอแต่ละแบบ
AMOLED ให้สีสดสวยแต่ต้องระวังมากกว่า ส่วน LTPO ช่วยลดภาระของจอได้ดีขึ้นและประหยัดแบตกว่า
ถ้าใช้อย่างถูกวิธี เปลี่ยนหน้าปัดบ่อย ๆ ไม่เปิด Always-on ตลอดเวลา และรักษาความสะอาดอยู่เสมอ
หน้าจอสมาร์ทวอทช์ของคุณก็จะอยู่กับคุณได้ยาวนานหลายปีโดยไม่เกิดรอย Burn-in แน่นอน


